Narapol

มีตุ่มขึ้น แล้วก็คันตามตัวตลอดครับ พอจะทราบมั้ยครับ. ว่าเป็นอะไร ไปหาหมอก็บอกไม่ได้เป็นขี้เรื้อนแห้ง เป็นได้ 6 เดือนละครับ เห็นคุณหมอบอกว่าติดเชื้อแบททีเรียใต้ผิวหนัง ไม่หาย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ กับยาแก้คันมา พอยาหมดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม พอจะมีวิ

ถามเมื่อ 22 ม.ค. 2563 754
มีตุ่มขึ้น แล้วก็คันตามตัวตลอดครับ
พอจะทราบมั้ยครับ. ว่าเป็นอะไร


ไปหาหมอก็บอกไม่ได้เป็นขี้เรื้อนแห้ง เป็นได้ 6 เดือนละครับ
เห็นคุณหมอบอกว่าติดเชื้อแบททีเรียใต้ผิวหนัง
ไม่หาย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ กับยาแก้คันมา

พอยาหมดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
พอจะมีวิ มีตุ่มขึ้น แล้วก็คันตามตัวตลอดครับพอจะทราบมั้ยครับ. ว่าเป็นอะไร

ไปหาหมอก็บอกไม่ได้เป็นขี้เรื้อนแห้ง เป็นได้ 6 เดือนละครับเห็นคุณหมอบอกว่าติดเชื้อแบททีเรียใต้ผิวหนังไม่หาย หมอให้ยาฆ่าเชื้อ กับยาแก้คันมา
พอยาหมดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมพอจะมีวิธีรักษาให้หายมั้ยครับ

ความคิดเห็น

อาจารย์หมอซัน
อ.ดร.น.สพ. ถิรวุฒิ คงตาทราย
PhD
ภาควิชาเวชศาสตร์คลินิกและการสาธารณสุข คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
อาการคันและมีตุ่มคันที่ผิวหนัง ซึ่งเป็นอาการของโรคผิวหนังอักเสบนั้น เกิดได้มาจากหลายสาเหตุครับ และแต่ละสาเหตุก็มีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป สาเหตุของโรคผิวหนังมีได้ตั้งแต่โรคติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อ โรคติดเชื้อได้แก่ ติดเชื้อแบคทีเรีย ติดเชื้อรา  เชื้อยีสต์ หรือติดปรสิจภายนอกเช่นเห็บ หมัด หรือไรขี้เรื้อนแห้งหรือชี้เรื้อนเปียก ส่วนโรคไม่ติดเชื้อนั้นอาจเกิดจากการแพ้ เช่นแพ้สารกระตุ้นที่อยู่ในสิ่งแวดล้อม แพ้โปรตีนบางชนิดที่อยู่ในอาหาร  เป็นต้น 

การที่จะหาสาเหตุที่แน่ชัดของโรคผิวหนัง จำเป็นที่จะต้องได้รับการตรวจผิวหนังอย่างละเอียด ตั้งแต่การขูดผิวหนังไปตรวจหาปรสิตภายนอก การเก็บขนไปดูสปอร์ของเชื้อรา การตรวจดูเชื้อแบคทีเรียและเชื้อยีสต์ที่อยู่บนผิวหนัง รวมไปถึงการเพาะเชื้อราถ้ารอยโรคดูน่าสงสัย หรือเพาะเชื้อแบคทีเรียในกรณีที่สงสัยว่าการติดเชื้อมาจากแบคทีเรีย และรักษาด้วยยาปฏิชีวนะธรรมดาไม่ได้ผล

ถ้าอาการของสุนัขดีขึ้นหลังได้รับยาปฏิชีวนะ เป็นไปได้ว่าสาเหตุหนึ่งของโรคผิวหนังอาจมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย แต่เมื่อสุนัขไม่ได้รับยาอาการกลับมาเป็นใหม่ แสดงว่ามีแนวโน้มที่สาเหตุหลักเป็นสาเหตุอื่น และแบคทีเรียอาจเป็นเพียงแค่สาเหตุรอง แนะนำให้เจ้าของพาสุนัขไปตรวจกับสัตวแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านผิวหนังเป็นพิเศษ เพราะการวินิจฉัยเพิ่มเติมนั้น ต้องอาศัยการสอบถามประวัติอาการและการรักษาที่ผ่านมาอย่างละเอียด รวมไปถึงการตรวจผิวหนังซ้ำ และอาจต้องมีการเก็บตัวอย่างบนผิวหนังเพื่อไปทำการตรวจอื่นๆเพิ่มเติม ซึ่งถ้าสามารถระบุสาเหตุที่แท้จริงได้และมีแนวทางการรักษาได้ตรงจุด อาการของสุนัขน่าจะดีขึ้นและหายได้ครับ

2 ให้คะแนนสำหรับคำตอบนี้
Pages : 1

ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น

"โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น"
1. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาอันเป็นการวิพากษ์วิจารณ์หรือพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์และราชวงศ์ เป็นอันขาด
2. ห้ามเสนอข้อความหรือเนื้อหาที่ส่อไปในทางหยาบคาย ก้าวร้าว ... (อ่านทั้งหมด)

Top